>>  ข้อมลทั่วไป

 

>>  สถานที่ท่องเที่ยว

----------------------------------------------------------------------------

สถานที่ท่องเที่ยว จังหวัดเลย

สวนสมเด็จศรีนครินทร์ 
         
ตั้งอยู่ในวิทยาลัยเกษตรกรรมศรีสะเกษ  ถนนกสิกรรม ตำบลหนองครก ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ ๒ กิโลเมตร มีเนื้อที่ ๒๓๗ ไร่ ลักษณะพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูง-ต่ำตามธรรมชาติ มีลำห้วย ๒ สายคือ ห้วยปูนใหญ่และห้วยปูนน้อยมาบรรจบกันตรงด้านทิศเหนือของสวนฯ ภายในบริเวณสวนมีต้นลำดวนขึ้นอยู่หนาแน่นเป็นดงใหญ่ เหมาะแก่การทัศนศึกษาในเชิงพฤกษศาสตร์ ต้นลำดวนซึ่งเป็นพันธุ์ไม้หอมนี้จะผลิดอกหอมอบอวลไปทั่วในราวเดือนมีนาคมของทุกปี และเนื่องจากต้นไม้ชนิดนี้มีความเกี่ยวพันกับชื่อ ศรีนครลำดวน ในอดีต จึงได้นำเอาต้นลำดวนมาเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด นอกจากนี้ในพื้นที่ยังมีสวนสัตว์ และสวนสาธารณะตกแต่งสวยงามร่มรื่นเป็นแหล่งพักผ่อนของประชาชนทั่วไป มีบึงน้ำสำหรับพายเรือเล่นและพักผ่อนหย่อนใจ

พระธาตุเรืองรอง  
          ตั้งอยู่ที่บ้านสร้างเรือง ตำบลหญ้าปล้อง  เป็นพระธาตุที่สร้างขึ้นโดยการผสมศิลปะอีสานใต้สี่เผ่าไทย ได้แก่ ลาว ส่วย เขมร เยอ มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์อย่างลงตัว พระธาตุมีความสูง ๔๙ เมตร แบ่งออกเป็น  ๖ ชั้น ชั้นที่ ๑ ใช้สำหรับประกอบพิธีทางศาสนา  ชั้นที่ ๒-๓ เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านสี่เผ่าไทย ชั้นที่ ๔ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป  ชั้นที่ ๕ ใช้สำหรับการทำสมาธิ และชั้นที่ ๖ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเป็นที่ชมทัศนียภาพของพื้นที่โดยรอบ การเดินทาง ห่างจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข ๒๓๗๓ (ศรีสะเกษ-ยางชุมน้อย) ประมาณ ๗.๕ กิโลเมตร

ปราสาทสระกำแพงน้อย
          ตั้งอยู่วัดสระกำแพงน้อย บ้านกลาง ตำบลขยุง  ปราสาทวัดสระกำแพงน้อยประกอบด้วยปรางค์และวิหารก่อด้วยศิลาแลง ด้านหน้าปรางค์มีสระน้ำใหญ่ ทั้งปรางค์ วิหาร และสระน้ำ ล้วนล้อมรอบด้วยกำแพงศิลาแลง เคยมีทับหลังประตูสลักเป็นพระวรุณเทพเจ้าแห่งฝนประทับบนแท่นมีหงส์แบก ๓ ตัว อยู่เหนือเศียรเกียรติมุข เป็นศิลปะแบบบาปวนมีอายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ สันนิษฐานว่าปราสาทหินแห่งนี้เดิมเป็นศาสนสถานมาก่อน แล้วต่อมาในพุทธศตวรรษที่ ๑๘ รัชสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ อาจมีการบูรณะหรือสร้างเพิ่มเติมขึ้นใหม่ สังเกตได้จากมีสถาปัตยกรรมแบบบายนอยู่ด้วย สิ่งก่อสร้างดังกล่าวเรียกกันในสมัยนั้นว่า “อโรคยาศาล” หมายถึง สถานพยาบาล หรือสุขศาลาประจำชุมชนนั่นเอง การเดินทาง ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ ๘ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข  ๒๒๖ (สายศรีสะเกษ-อุทุมพรพิสัย) อยู่ด้านขวามือ  

ปราสาทสระกำแพงใหญ่ 
          ตั้งอยู่วัดสระกำแพงใหญ่ บ้านกำแพงใหญ่ ตำบลสระกำแพงใหญ่ เป็นปราสาทขอมที่มีขนาดใหญ่และสมบูรณ์ที่สุดของจังหวัด ลักษณะเป็นปรางค์ ๓ องค์บนฐานเดียวกันเรียงกันในแนวทิศเหนือ-ใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ปรางค์ประธานอยู่ตรงกลาง ก่อด้วยหินทราย มีอิฐแซมบางส่วน มีทับหลังจำหลักภาพพระอินทร์ทรงช้างบนแท่นเหนือหน้ากาล  ส่วนปรางค์อีก ๒ องค์ เป็นปรางค์อิฐ มีส่วนประกอบตกแต่งที่เป็นหินทราย เช่น ทับหลัง กรอบหน้าบันและกรอบเสาประตู ด้านหลังปรางค์องค์ทิศใต้มีปรางค์ก่ออิฐอีก ๑ องค์ ด้านหน้ามีวิหารก่ออิฐ ๒ หลัง ล้อมรอบด้วยระเบียงคดก่อด้วยศิลาแลงและหินทราย มีโคปุระหรือประตูซุ้มทั้ง ๔ ทิศ

ปราสาทห้วยทับทัน หรือ ปราสาทบ้านปราสาท
          ตั้งอยู่ที่วัดปราสาทพนาราม บ้านปราสาท เป็นโบราณสถานแบบขอมแห่งหนึ่งที่ถูกดัดแปลงในสมัยหลังเช่นเดียวกับปราสาทศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ โดยเฉพาะส่วนหลังคาซึ่งคล้ายคลึงกันมากแต่มีขนาดสูงกว่าประกอบด้วยปรางค์อิฐ ๓ องค์ ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกันในแนวเหนือ-ใต้ มีกำแพงล้อมรอบพร้อมซุ้มประตูก่อด้วยศิลาแลง สันนิษฐานว่าเดิมมี ๓ หรือ ๔ ทิศ ปัจจุบันคงเหลือเพียงด้านทิศใต้เท่านั้น
             ปรางค์องค์กลางขนาดใหญ่กว่าปรางค์อีก ๒ องค์ ที่ขนาบข้างเล็กน้อยแต่ส่วนหลังคาเตี้ยกว่า เป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัสย่อมุมไม้สิบสอง มีประตูเดียวด้านหน้าทางทิศตะวันออก มีกรอบประตูหินทราย และทับหลังติดอยู่เป็นภาพบุคคลยืนอยู่เหนือหน้ากาล ส่วนท่อนพวงมาลัยมีลายมาแบ่งที่เสี้ยวภาพบุคคลยืนในซุ้มเรือนแก้ว ไม่อาจสันนิษฐานว่าเป็นผู้ใดด้วยลายสลักยังไม่แล้วเสร็จ
             ปรางค์สององค์ที่ขนาบข้างขนาดเดียวกันได้รับการดัดแปลงรูปแบบไปมากโดยเฉพาะส่วนหลังคาและประตูซึ่งก่อทึบหมดทุกด้าน ยังคงปรากฏกรอบประตูหินทราย และชิ้นส่วนทับหลังสลักภาพการกวนเกษียรสมุทรตกอยู่หน้าประตูปรางค์องค์ที่อยู่ด้านทิศใต้   จากลักษณะทางด้านศิลปกรรมของทับหลังที่ปรากฏอาจสันนิษฐานได้ว่าปราสาทแห่งนี้มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ ร่วมสมัยศิลปะขอมแบบคลัง-บาปวนของเขมร และต่อมาได้รับการดัดแปลงในสมัยหลัง

วัดป่ามหาเจดีย์แก้ว (วัดล้านขวด
          ตั้งอยู่ในเขตสุขาภิบาล สิ่งปลูกสร้างภายในตกแต่งด้วยขวดแก้วหลากสีหลายแบบนับล้านใบที่ชาวบ้านได้ช่วยกันบริจาค เป็นวัดที่มีลักษณะสวยงามแปลกตา โดยเฉพาะศาลาใหญ่ที่เรียกว่า ศาลาฐานสโม มหาเจดีย์แก้ว และนอกจากนี้ยังมีสิม (โบสถ์) อยู่กลางน้ำภายในเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปหยกขาว ซึ่งมีความวิจิตรงดงามมาก  การเดินทาง จากศรีสะเกษไปอำเภอขุนหาญใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๑๑ และ ๒๑๑๑ ผ่านอำเภอพยุห์ อำเภอไพรบึงไปขุนหาญระยะทางประมาณ ๖๑ กิโลเมตร

ปราสาทตำหนักไทร (ปราสาททามจาน)
         
ตั้งอยู่ที่บ้านตำหนักไทร ตำบลบักดอง เป็นปราสาทอิฐหลังเดียวบนฐานศิลาทราย ก่อด้วยอิฐเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มีประตูเข้าออกได้ด้านเดียว คือ ด้านทิศตะวันออก ซึ่งเป็นด้านหน้า อีก ๓ ด้าน เป็นประตูหลอก คือ สลักเป็นรูปบานประตูลงในเนื้ออิฐ บริเวณทางเข้ามีสิงห์จำหลักสองตัว เฉพาะด้านหน้ากรอบประตูเป็นหินทราย แต่เดิมเคยมีทับหลังเป็นภาพพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ มีพระฉายาลักษมีนั่งอยู่ที่ปลายพระบาท และมีพระพรหมผุดมาจากพระนาภี  สองข้างพระพรหมเป็นรูปฤาษีและบุคคลนั่งในซุ้มเรือนแก้ว ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ปราสาทตำหนักไทรเป็นเทวาลัยในศาสนาพราหมณ์  อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๗ การเดินทาง ตามทางหลวงหมายเลข ๒๑๒๗ (ขุนหาญ-บ้านสำโรงเกียรติ) ห่างจากอำเภอขุนหาญ ๒๐ กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัด ๘๑ กิโลเมตร

น้ำตกห้วยจันทร์ (น้ำตกกันทรอม)
         
มีต้นกำเนิดจากเทือกเขาบรรทัด บริเวณภูเสลา เป็นน้ำตกที่สวยงามไหลลดหลั่นมาตามชั้นหินก่อนไหลลงสู่แม่น้ำมูล มีน้ำมากในช่วงเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ บริเวณร่มรื่นด้วยพันธุ์ไม้ป่านานาชนิด เหมาะสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ การเดินทาง  ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๒๓๖ (กันทรอม-บ้านสำโรงเกียรติ) ห่างจากอำเภอขุนหาญ ๒๔ กิโลเมตร ห่างจากตัวจังหวัด ๘๕ กิโลเมตร

อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร 
          ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาพระวิหาร มีเนื้อที่ประมาณ ๑๓๐ ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ ๒ จังหวัดคือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ กิ่งอำเภอน้ำขุ่น และอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ ๘๓ ของประเทศไทยเมื่อวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๑ สภาพภูมิประเทศทั่วไปส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาตามแนวทิวเขาพนมดงรักกั้นชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่ปกคลุมด้วยป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าจำนวนมากที่อาศัยหากินข้ามไปมาในผืนป่าระหว่างสองประเทศได้แก่ หมูป่า กวาง เก้ง กระต่าย กระรอก ชะนี ชะมด เป็นต้น

ปราสาทเขาพระวิหาร 
          อยู่ห่างจากอำเภอกันทรลักษ์ ประมาณ ๓๕ กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเทือกเขาพนมดงรักในเขตราชอาณาจักรกัมพูชา บริเวณที่ติดกับผามออีแดงของประเทศไทย  ตัวปราสาทหันหน้ามาทางด้านที่ติดกับประเทศไทย ปราสาทเขาพระวิหารเดิมอยู่ในความปกครองดูแลของไทย กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานประกาศในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ ๑๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๘๓  แต่หลังจากการตัดสินของศาลโลก ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กรกฎาคม  พ.ศ. ๒๕๐๕ เป็นต้นมาได้เปลี่ยนไปอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของราชอาณาจักรกัมพูชาสืบมาจนถึงปัจจุบัน สอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดให้เข้าชมปราสาทเขาพระวิหารได้ที่ที่ว่าการอำเภอ

 

 
 
 
 
 
 
 

Webmaster : wanleeya lomloi contract to : wanleeya lomloi@yahoo.com Tel :  06-7508678
copyright 2006 All right reserved